Last updated: 9 ก.ค. 2566 | 242 จำนวนผู้เข้าชม |
มะเร็งต่อมน้ำเหลือง หรือ Lymphoma เกิดจากการเกิดเซลล์มะเร็งในเนื้อเยื่อของต่อมน้ำเหลือง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของระบบลมไหลเวียน (lymphatic system) ที่มีหน้าที่ขับถ่ายเซลล์และน้ำเหลืองเสียจากเนื้อเยื่อไปยังต่อมน้ำเหลือง เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงหรือความผิดปกติเกิดขึ้นกับเซลล์ในต่อมน้ำเหลือง อาจทำให้เกิดการเจริญเติบโตเป็นเซลล์มะเร็งและกระจายไปยังส่วนอื่นของร่างกาย โดยสาเหตุของการเกิดเซลล์มะเร็งในต่อมน้ำเหลืองยังไม่ทราบแน่ชัด แต่มีปัจจัยเสี่ยงที่อาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงบางอย่างในเนื้อเยื่อ ได้แก่ พันธุกรรม การติดเชื้อไวรัส เช่น Epstein-Barr virus (EBV) หรือ Human immunodeficiency virus (HIV) และปัจจัยสิ่งแวดล้อม เช่น การสัมผัสสารเคมี การสูบบุหรี่ หรือการถูกกัดกร่อนโดยสิ่งแวดล้อมที่เป็นพิษ
การวินิจฉัยมะเร็งต่อมน้ำเหลืองจะต้องพิจารณาจากอาการที่เกิดขึ้น พร้อมกับการตรวจเลือด ตรวจเนื้อเยื่อ การตรวจและภาพถ่ายของร่างกาย เช่น X-ray, CT scan, หรือ PET scan และการเจาะเยื่อเพื่อเอาตัวอย่างเนื้อเยื่อมาตรวจวินิจฉัยด้วยกัน
สาเหตุของมะเร็งต่อมน้ำเหลืองยังไม่เป็นที่ทราบอย่างแน่ชัด แต่มีปัจจัยที่เพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคได้แก่
วิธีการรักษามะเร็งต่อมน้ำเหลืองแบบสากลจะขึ้นอยู่กับระยะของโรคและความรุนแรงของเนื้องอก แต่วิธีการรักษาที่พบมากที่สุดคือการผ่าตัดเนื้องอก หรือเครื่องมือการรักษาแบบอื่น ๆ เช่น การรักษาด้วยรังสี และการรักษาด้วยเคมีบำบัด นอกจากนี้ยังมีการใช้ฮอร์โมนเพื่อรักษามะเร็งต่อมน้ำเหลืองที่เกิดขึ้นในต่อมน้ำเหลือง ซึ่งฮอร์โมนเหล่านี้จะช่วยควบคุมการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งได้
นอกจากนี้ ยังมีการพัฒนายาที่ใช้เพื่อเสริมการรักษามะเร็งต่อมน้ำเหลือง เช่น ยาเบต้า-บล็อกเกอร์ (beta-blockers) และยาเปลี่ยนแปลงสมอง (neurotransmitter-modifying agents) ที่มีฤทธิ์ปรับเปลี่ยนสมองเพื่อช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็ง นอกจากนี้ยังมีการพัฒนาภูมิคุ้มกันร่างกาย (immunotherapy) เพื่อช่วยในการต่อต้านการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง
การรักษามะเร็งต่อมน้ำเหลืองแบบสากลยังต้องพิจารณาความเหมาะสมและประสิทธิภาพของการรักษาต่อไป โดยต้องพิจารณาสถานะการระบาดของโรค อาการของผู้ป่วย และโรคประจำตัวของผู้ป่วยมะเร็งต่อมน้ำเหลือง
อาหารที่ผู้ป่วยมะเร็งต่อมน้ำเหลืองควรรับประทานมีดังนี้
การรับประทานอาหารที่เหมาะสมและเป็นโภชนาการสูงจะช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันและส่งเสริมสุขภาพในผู้ป่วยมะเร็งต่อมน้ำเหลือง ดังนี้
โดยเฉพาะในผู้ป่วยมะเร็งต่อมน้ำเหลือง การรับประทานอาหารเหล่านี้จะช่วยให้ร่างกายของผู้ป่วยสามารถต่อสู้กับเซลล์มะเร็งได้ดียิ่งขึ้น และช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันในร่างกาย อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยที่มีปัญหาด้านการย่อยอาหารหรือมีความผิดปกติด้านโภชนาการควรปรึกษาแพทย์หรือโภชนาการเพื่อการดูแลสุขภาพที่เหมาะสมยิ่งขึ้นโดยเฉพาะในกรณีที่ผู้ป่วยได้รับการรักษาด้วยเคมี หรือ รังสีวิทยา ที่ส่งผลต่อการย่อยอาหารและการดูดซึมโภชนาการในร่างกาย
8 ก.ค. 2566
12 เม.ย 2566
7 พ.ค. 2565